สอบถามข้อมูล?
Message sent Close

วิธีทำกำไรด้วย Turtle Soup สอนเทรด Turtle Soup เข้าใจง่าย กำไรสูง

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกกลยุทธ์การเทรด “Turtle Soup” ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงระดับมืออาชีพ พร้อมตัวอย่างที่เข้าใจง่าย เปรียบเทียบให้เห็นภาพ และเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณทำกำไรได้อย่างยั่งยืน อย่าพลาด! อ่านจนจบแล้วไปติดตามช่อง Youtube “ICT Trader” เพื่อเรียนรู้เทคนิคการเทรดเพิ่มเติม!

คุณกำลังมองหาวิธีการเทรดที่ทรงพลัง เข้าใจง่าย และมีโอกาสทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมออยู่ใช่ไหม? คุณเบื่อกับการเทรดแบบเดิมๆ ที่เต็มไปด้วยความผันผวนและไม่แน่นอนหรือไม่? ถ้าคำตอบคือ “ใช่” บทความนี้ถูกสร้างมาเพื่อคุณ!

เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเรากำลังจะเปิดเผยสุดยอดกลยุทธ์การเทรดที่นักเทรดทั่วโลกให้ความสนใจ นั่นก็คือ “Turtle Soup” หรือ “ซุปเต่า” กลยุทธ์ที่ฟังดูน่ารักแต่กลับแฝงไว้ด้วยพลังในการจับจังหวะการกลับตัวของราคาได้อย่างเฉียบคม!

ทำไม “Turtle Soup” ถึงน่าสนใจและสามารถเปลี่ยนชีวิตการเทรดของคุณได้?

ชื่อของกลยุทธ์ “Turtle Soup” อาจฟังดูแปลกหู แต่ที่มาของชื่อนั้นไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด มันได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มนักเทรดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในอดีตที่ถูกเรียกว่า “Turtle Traders” ซึ่งพวกเขาได้พัฒนากลยุทธ์นี้ขึ้นมาเพื่อจับจังหวะการ “breakout” หรือการทะลุกรอบราคาที่ผิดพลาด (False Breakout) และทำกำไรจากการกลับตัวของราคา

แล้วทำไม “Turtle Soup” ถึงน่าสนใจและแตกต่างจากกลยุทธ์อื่นๆ?

  1. หลักการที่เข้าใจง่าย: หัวใจสำคัญของ Turtle Soup คือการระบุจังหวะที่ราคาพยายามจะทะลุกรอบแนวรับแนวต้านสำคัญ แต่สุดท้ายกลับตัวลงมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโอกาสในการเข้าเทรดที่ได้เปรียบ
  2. ความแม่นยำสูง: เมื่อใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ อย่างเหมาะสม กลยุทธ์ Turtle Soup สามารถให้สัญญาณที่มีความแม่นยำสูงในการจับจังหวะการกลับตัวของราคา
  3. ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนสูง: จุดเข้าเทรดที่ชัดเจนของ Turtle Soup ช่วยให้เราสามารถตั้ง Stop Loss ได้ในระยะที่เหมาะสม ทำให้ควบคุมความเสี่ยงได้ดี ในขณะที่เป้าหมายกำไร (Take Profit) มักจะอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
  4. ใช้ได้กับหลากหลายตลาด: ไม่ว่าคุณจะเทรด Forex, หุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์ หรือคริปโตเคอร์เรนซี กลยุทธ์ Turtle Soup สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งหมด
  5. เป็นที่ยอมรับในระดับสากล: นักเทรดมืออาชีพจำนวนมากทั่วโลกใช้กลยุทธ์ Turtle Soup เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเทรดของพวกเขา ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงประสิทธิภาพของกลยุทธ์นี้

ลองจินตนาการดูสิ: คุณสามารถระบุจังหวะที่นักเทรดส่วนใหญ่พลาดท่าให้กับ “False Breakout” และเข้าเทรดในทิศทางที่ถูกต้อง ทำกำไรได้อย่างง่ายดาย นี่คือพลังของ Turtle Soup!

อยากรู้แล้วใช่ไหมว่า “Turtle Soup” ทำงานอย่างไร? มาดูกัน!

เพื่อให้คุณเข้าใจกลไกการทำงานของ Turtle Soup อย่างลึกซึ้ง เราจะแบ่งออกเป็นขั้นตอนง่ายๆ พร้อมยกตัวอย่างประกอบเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน

วิธีทำกำไรด้วย Turtle Soup สารบัญความรู้ คลิกอ่านตามหัวข้อ

5 หัวข้อหลักในการทำความเข้าใจ “Turtle Soup”

1. การระบุแนวรับแนวต้านที่สำคัญ (Identifying Key Support and Resistance Levels): รากฐานของการเทรด Turtle Soup

  • แนวรับ (Support): คือระดับราคาที่คาดว่าแรงซื้อจะเข้ามาพยุงราคาไม่ให้ปรับตัวลงไปต่ำกว่านี้ มักจะเป็นจุดต่ำสุดก่อนหน้าราคาจะปรับตัวขึ้น
  • แนวต้าน (Resistance): คือระดับราคาที่คาดว่าแรงขายจะเข้ามาดันราคาไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นไปมากกว่านี้ มักจะเป็นจุดสูงสุดก่อนหน้าราคาจะปรับตัวลง

ทำไมแนวรับแนวต้านถึงสำคัญต่อ Turtle Soup? เพราะกลยุทธ์นี้จะเน้นการสังเกตพฤติกรรมราคาบริเวณแนวรับแนวต้านเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาพยายามที่จะ “breakout” หรือทะลุผ่านแนวเหล่านี้ไป

ตัวอย่าง:

สมมติว่าเรากำลังดูราคาหุ้น ABC ในกราฟรายวัน (Daily Chart) และเราสังเกตเห็นว่าราคามีการแกว่งตัวอยู่ในกรอบระหว่าง 100 บาท (แนวรับ) และ 110 บาท (แนวต้าน) มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง

2. การเกิด “False Breakout” (The False Breakout): หัวใจสำคัญของกลยุทธ์

“False Breakout” หรือการทะลุกรอบราคาที่ผิดพลาด คือสถานการณ์ที่ราคาเคลื่อนที่ทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ แต่หลังจากนั้นไม่นานราคาก็กลับตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรง

ทำไม “False Breakout” ถึงเป็นโอกาสในการทำกำไร? เพราะการทะลุแนวรับแนวต้านมักจะกระตุ้นให้นักเทรดจำนวนมากเข้าซื้อ (เมื่อทะลุแนวต้าน) หรือขาย (เมื่อทะลุแนวรับ) ตาม แต่เมื่อราคาไม่สามารถยืนเหนือหรือต่ำกว่าแนวนั้นได้ และกลับตัวอย่างรวดเร็ว นักเทรดที่เข้าตามการ Breakout เหล่านั้นก็จะติดกับดัก และการเทขายหรือแรงซื้อเพื่อป้องกันความเสียหายก็จะยิ่งทำให้ราคากลับตัวแรงขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสทองของเรา!

ตัวอย่าง (ต่อเนื่องจากตัวอย่างที่ 1):

อยู่มาวันหนึ่ง ราคาหุ้น ABC ปรับตัวสูงขึ้นและทะลุแนวต้าน 110 บาทขึ้นไป ทำให้มีนักเทรดจำนวนมากเข้ามาซื้อตามสัญญาณ Breakout

3. เงื่อนไขการเข้าเทรด (Entry Conditions): จังหวะที่แม่นยำในการเปิดออเดอร์

เมื่อเราระบุแนวรับแนวต้านที่สำคัญและสังเกตเห็นการเกิด “False Breakout” แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการหาจังหวะเข้าเทรดที่เหมาะสม กลยุทธ์ Turtle Soup มักจะมีเงื่อนไขการเข้าเทรดดังนี้:

  • Turtle Soup Long (สำหรับ Buy):

    • ราคาลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดของ 20 วันทำการก่อนหน้า (หรือกรอบเวลาอื่นๆ ที่คุณกำหนด)
    • หลังจากนั้นราคากลับขึ้นมายืนเหนือจุดต่ำสุดเดิม
    • จุดเข้าเทรด: เมื่อราคาทะลุขึ้นเหนือจุดต่ำสุดของวันที่เกิด False Breakout
    • Stop Loss: วางไว้ใต้จุดต่ำสุดที่ราคาลงไปทำไว้
    • Take Profit: ตั้งเป้าหมายกำไรที่แนวต้านถัดไป หรือใช้ Ratio ความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio) ที่เหมาะสม (เช่น 1:2 หรือ 1:3)
  • Turtle Soup Short (สำหรับ Sell):

    • ราคาสูงขึ้นไปเหนือจุดสูงสุดของ 20 วันทำการก่อนหน้า (หรือกรอบเวลาอื่นๆ ที่คุณกำหนด)
    • หลังจากนั้นราคากลับลงมายืนต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิม
    • จุดเข้าเทรด: เมื่อราคาทะลุลงต่ำกว่าจุดสูงสุดของวันที่เกิด False Breakout
    • Stop Loss: วางไว้เหนือจุดสูงสุดที่ราคาสูงขึ้นไปทำไว้
    • Take Profit: ตั้งเป้าหมายกำไรที่แนวรับถัดไป หรือใช้ Ratio ความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio) ที่เหมาะสม

ตัวอย่าง (Turtle Soup Long):

ราคาหุ้น XYZ เคลื่อนที่อยู่ในกรอบ แต่แล้ววันหนึ่งราคาร่วงลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดของ 20 วันก่อนหน้าที่ 50 บาท หลังจากนั้นไม่นาน ราคาก็ดีดตัวกลับขึ้นมายืนเหนือ 50 บาท

จังหวะเข้าเทรด: เมื่อราคาทะลุขึ้นเหนือจุดต่ำสุดของวันที่เกิด False Breakout (สมมติว่าเป็น 50.50 บาท)

Stop Loss: วางไว้ใต้จุดต่ำสุดที่ราคาลงไปทำไว้ (เช่น 49.50 บาท)

Take Profit: ตั้งไว้ที่แนวต้านถัดไป (สมมติว่าเป็น 55 บาท) หรือใช้ Risk/Reward Ratio ที่ต้องการ

4. การบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management): หัวใจของการเทรดอย่างยั่งยืน

ไม่ว่ากลยุทธ์จะดีแค่ไหน การบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องเงินทุนของคุณ

  • กำหนดขนาด Position ที่เหมาะสม: อย่าเสี่ยงเงินทุนทั้งหมดในการเทรดครั้งเดียว ควรกำหนดขนาด Position ให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่คุณรับได้ โดยทั่วไปแล้วจะไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
  • ตั้ง Stop Loss เสมอ: Stop Loss คือคำสั่งปิดสถานะอัตโนมัติเมื่อราคาเคลื่อนที่ผิดทาง เพื่อจำกัดการขาดทุนของคุณ การตั้ง Stop Loss ในตำแหน่งที่เหมาะสมตามหลักการของ Turtle Soup เป็นสิ่งสำคัญ
  • ใช้ Risk/Reward Ratio ที่สมเหตุสมผล: ตั้งเป้าหมายกำไรให้มีขนาดที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่คุณรับได้ โดยทั่วไปแล้วควรมี Risk/Reward Ratio อย่างน้อย 1:2 ขึ้นไป เพื่อให้การเทรดที่ชนะสามารถชดเชยการเทรดที่แพ้ได้
  • อย่า Overtrade: การเทรดบ่อยเกินไปโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น

5. การประยุกต์ใช้กับกรอบเวลาและเครื่องมืออื่นๆ (Applying to Different Timeframes and Combining with Other Tools): เพิ่มประสิทธิภาพให้ “Turtle Soup”

กลยุทธ์ Turtle Soup สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับหลากหลายกรอบเวลา ไม่ว่าจะเป็นกราฟรายนาที (Minute Chart), กราฟรายชั่วโมง (Hourly Chart), กราฟรายวัน (Daily Chart) หรือกราฟรายสัปดาห์ (Weekly Chart) แต่คุณอาจจะต้องปรับเงื่อนไขเล็กน้อยให้เหมาะสมกับกรอบเวลาที่คุณเลือก

นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ ร่วมกับ Turtle Soup สามารถช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจเทรดได้ เช่น:

  • เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): ช่วยระบุแนวโน้มของราคาและยืนยันการกลับตัว
  • RSI (Relative Strength Index) และ Stochastic: ช่วยวัดโมเมนตัมของราคาและระบุสภาวะ Overbought หรือ Oversold
  • Fibonacci Retracement: ช่วยระบุแนวรับแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น
  • Volume: ช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา

ตัวอย่าง:

หากคุณเทรดในกราฟรายชั่วโมง คุณอาจจะใช้จุดต่ำสุด/สูงสุดของ 20 ชั่วโมงที่ผ่านมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาการเกิด False Breakout แทนที่จะเป็น 20 วันทำการ

หรือคุณอาจจะรอให้เกิดสัญญาณ Turtle Soup พร้อมกับสัญญาณ Divergence ใน RSI เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเข้าเทรด

หลังจากที่คุณได้ทำความเข้าใจหลักการและขั้นตอนการเทรดด้วยกลยุทธ์ Turtle Soup อย่างละเอียดแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการนำความรู้เหล่านี้ไป ลงมือปฏิบัติจริง!

คำแนะนำในการเริ่มต้น:

  1. เลือกตลาดและกรอบเวลาที่คุณถนัด: เริ่มจากตลาดที่คุณคุ้นเคยและกรอบเวลาที่คุณสามารถติดตามได้อย่างสม่ำเสมอ
  2. ฝึกฝนบนบัญชี Demo: ก่อนที่จะเสี่ยงเงินจริง ลองฝึกฝนการระบุแนวรับแนวต้าน การสังเกต False Breakout และการเข้าเทรดตามเงื่อนไขของ Turtle Soup บนบัญชี Demo จนกว่าคุณจะมั่นใจในกลยุทธ์
  3. Backtest กลยุทธ์: ลองย้อนกลับไปดูกราฟราคาในอดีตเพื่อทดสอบว่ากลยุทธ์ Turtle Soup ให้ผลลัพธ์เป็นอย่างไรในตลาดและกรอบเวลาที่คุณเลือก
  4. เริ่มต้นด้วยขนาด Position ที่เล็ก: เมื่อคุณตัดสินใจเทรดด้วยเงินจริง ให้เริ่มต้นด้วยขนาด Position ที่เล็ก เพื่อจำกัดความเสี่ยงในช่วงเริ่มต้น
  5. จดบันทึกการเทรด: บันทึกทุกการเทรดของคุณ รวมถึงเหตุผลในการเข้าเทรด จุดเข้า จุดออก Stop Loss และ Take Profit เพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณในอนาคต
  6. เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง: ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการเทรดของคุณอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ

สรุปเนื้อหา: วิธีทำกำไรด้วย Turtle Soup

วิธีทำกำไรด้วย Turtle Soup เป็นวิธีการเทรดที่เน้นการทำกำไรจากการเกิด “False Breakout” หรือการทะลุกรอบแนวรับแนวต้านที่ผิดพลาด โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:

  1. ระบุแนวรับแนวต้านที่สำคัญ: หาแนวราคาที่คาดว่าจะมีแรงซื้อหรือแรงขายเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ
  2. รอการเกิด “False Breakout”: สังเกตเมื่อราคาพยายามทะลุแนวรับหรือแนวต้าน แต่ไม่สามารถยืนเหนือหรือต่ำกว่าแนวนั้นได้ และกลับตัวอย่างรวดเร็ว
  3. กำหนดเงื่อนไขการเข้าเทรด:
    • Turtle Soup Long (Buy): ราคาลงต่ำกว่าจุดต่ำสุดของช่วงเวลาที่กำหนด (เช่น 20 วัน) แล้วกลับขึ้นมายืนเหนือจุดต่ำสุดเดิม เข้าเทรดเมื่อราคาทะลุจุดต่ำสุดของวันที่เกิด False Breakout
    • Turtle Soup Short (Sell): ราคาสูงกว่าจุดสูงสุดของช่วงเวลาที่กำหนด (เช่น 20 วัน) แล้วกลับลงมายืนต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิม เข้าเทรดเมื่อราคาทะลุจุดสูงสุดของวันที่เกิด False Breakout
  4. บริหารจัดการความเสี่ยง: กำหนดขนาด Position ที่เหมาะสม ตั้ง Stop Loss เพื่อจำกัดการขาดทุน และตั้ง Take Profit เพื่อเป้าหมายกำไรที่สมเหตุสมผล
  5. ประยุกต์ใช้และเสริมด้วยเครื่องมืออื่น: สามารถใช้ได้กับหลากหลายกรอบเวลาและนำไปใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ

หัวใจสำคัญของ Turtle Soup คือการจับจังหวะที่นักเทรดส่วนใหญ่พลาดท่าให้กับการทะลุกรอบราคาที่ไม่จริง และเข้าเทรดในทิศทางของการกลับตัวของราคา ทำให้มีโอกาสทำกำไรได้ด้วยความเสี่ยงที่ควบคุมได้

สอนเทรด Turtle Soup เทคนิคการเทรดเพิ่มเติมได้ที่ช่อง Youtube “ICT Trader”

บทความที่น่าสนใจ